ขมิ้น/ขมิ้นชัน (Turmeric) และเคอร์คูมิน (Curcumin) คืออะไร?
ขมิ้น/ขมิ้นชัน (Turmeric) เป็นเครื่องเทศที่ใช้ทําแกงกะหรี่ มีสีเหลือง นิยมใช้กันมากในอินเดียเป็นเวลาหลายพันปี เป็นทั้งเครื่องเทศและสมุนไพร จากงานวิจัย (R) แสดงให้เห็นว่า ขมิ้นชันมีสารประกอบที่มีสรรพคุณทางยาสำคัญ ที่เรียกว่า เคอร์คิวมินอยด์ (Curcuminoids) ที่มีองค์ประกอบของสาร 3 ชนิดได้แก่ เคอร์คูมิน (Curcumin), เดเมทอกซีเคอร์คูมิน (Demethoxycurcumin) และ บิสเดเมททอกซีเคอร์คูมิน (Bisdemethoxycurcumin) และสารสําคัญที่สุดคือ เคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์หลักในขมิ้นชัน
ประโยชน์ต่อสุขภาพ 11 เรื่องของสารสกัดขมิ้นและเคอร์คูมิน
1. ขมิ้นชัน (Turmuric) มีสารออกฤทธิ์ที่มีสรรพคุณทางยา
ขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพมาก (R) และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรงมากด้วย ซึ่งจะมีปริมาณสารเคอร์คูมิน 1 - 6% โดยน้ำหนัก (R)
การศึกษาส่วนใหญ่ที่ต้องใช้สมุนไพรนี้ มักจะใช้สารสกัดจากขมิ้นชัน ที่มีเคอร์คูมินเป็นส่วนใหญ่ ด้วยปริมาณที่ใช้เคอร์คูมินเกิน 1 กรัม/วัน ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะให้ได้ปริมาณสารเคอร์คูมินขนาดนี้จากขมิ้นชัน (เหมาะกับใช้เป็นเครื่องเทศมากกว่า) ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีเคอร์คูมิน
นอกจากนี้ เคอร์คูมินยังดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดของคุณได้ไม่ดี ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เต็มที่ของเคอร์คูมิน จึงจำเป็นต้องพัฒนาสูตรที่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมได้ดีขึ้น (R) ด้วยการใช้พริกไทยดำ (Black pepper) ที่มีสาร Piperine ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมเคอร์คูมินได้สูงถึง 2000% (R) ในความเป็นจริง อาหารเสริมเคอร์คูมินที่ดีที่สุดจะต้องมีสารไพเพอรีนอยู่ด้วย ซึ่งจะทําให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เคอร์คูมิน ยังละลายได้ดีในไขมัน นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่ควรรับประทานอาหารเสริมเคอร์คูมินร่วมกับไขมัน
2. เคอร์คูมิน (Curcumin) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบตามธรรมชาติ
เคอร์คูมินเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ที่ช่วยต่อสู้กับการอักเสบได้ แม้ว่าจะต้องใช้ปริมาณที่สูงมาก (R) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
กลไกการออกฤทธิ์ต้านการอักเสบของเคอร์คูมิน โดยการลดทอนการตอบสนองการอักเสบของเซลล์บุผนังหลอดเลือดของมนุษย์ที่กระตุ้น TNF-α โดยรบกวน NF-κB (R)
3. ขมิ้นชัน (Turmuric) ช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกาย
ความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันเชื่อว่า เป็นหนึ่งในกลไกที่อยู่เบื้องหลังความชราและโรคต่างๆ เรื่องนี้สัมพันธ์กับอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระมีแนวโน้มที่จะทําปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ที่สําคัญ เช่น กรดไขมัน โปรตีน หรือ DNA ทำให้เกิดความเสียหายตามมา
เคอร์คูมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงมาก สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ (R) เนื่องจากโครงสร้างทางเคมีของเคอร์คูมินเอง
นอกจากนี้ การศึกษาในสัตว์และเซลล์ (R) บ่งบอกว่า เคอร์คูมินจะปิดกั้นการทำงานของอนุมูลอิสระและกระตุ้นการทํางานของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เรื่องนี้ จําเป็นต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประโยชน์เหล่านี้
4. เคอร์คูมิน (Curcumin) ช่วยเพิ่ม Neurotrophic factor ที่ได้จากสมอง
ในวัยผู้ใหญ่ เซลล์ประสาทสมองสามารถสร้างการเชื่อมต่อใหม่ได้ และในบางพื้นที่ของสมอง เซลล์สมองเหล่านี้จะสามารถทวีคูณและเพิ่มจํานวนได้
หนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของกระบวนการนี้คือ neurotrophic factor ที่ได้จากสมอง (BDNF: brain-derived neurotrophic factor) ซึ่งมีบทบาทในหน่วยความจําและการเรียนรู้ และสามารถพบได้ในพื้นที่ของสมองที่รับผิดชอบในการกิน ดื่มและน้ำหนักตัว
ความผิดปกติของสมอง ที่พบบ่อยจํานวนมากเชื่อมโยงกับระดับที่ลดลงของโปรตีน BDNF (R) รวมถึง ภาวะซึมเศร้า และโรคอัลไซเมอร์
จากการศึกษาทั้งในสัตว์ (R) และมนุษย์ (R) พบว่า เคอร์คูมินช่วยเพิ่มระดับ BDNF ในสมอง การทําเช่นนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชะลอหรือย้อนกลับโรคทางสมองจํานวนมาก และการทํางานของสมองที่ลดลงตามอายุ
นอกจากนี้ ยังอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของหน่วยความจําและความสนใจ (R) ซึ่งเป็นผลจากระดับ BDNF ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามจําเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสิ่งนี้
5. เคอร์คูมิน (Curcumin) ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก (R) การวิจัยชี้ให้เห็นว่า เคอร์คูมินอาจช่วยป้องกันในหลายขั้นตอนในกระบวนการของโรคหัวใจ (R)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Curcumin จะช่วยปรับปรุงการทํางานของ endothelium (R) หรือเยื่อบุ ผนังหลอดเลือด
ความผิดปกติของเยื่อบุผนังหลอดเลือด เป็นตัวขับเคลื่อนที่สําคัญของโรคหัวใจ (R) และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ endothelium ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิต การแข็งตัวของเลือดและปัจจัยอื่นๆ
การศึกษาอื่นๆ (R) อีกหลายชิ้นยังชี้ให้เห็นว่า Curcumin สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ เคอร์คูมินยังสามารถช่วยลดการอักเสบ (R) และการเกิดออกซิเดชัน ซึ่งมีบทบาทในโรคหัวใจด้วย
6. ขมิ้นชัน (Turmuric) ช่วยป้องกันมะเร็งได้
อาหารเสริม Curcumin (R) จะมีผลต่อมะเร็งได้หลายชนิดมาก ในความเป็นจริง จากการศึกษาพบว่า เคอร์คูมินเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็ง (R) และพบว่า มีผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาการของเซลล์มะเร็ง
จากการศึกษา (R) แสดงให้เห็นว่าสามารถ:
มีผลทําให้เซลล์มะเร็งตาย
ลดการสร้างเส้นเลือดใหม่ (การเจริญเติบโตของหลอดเลือดใหม่ในเนื้องอก)
ลดการแพร่กระจาย (การแพร่กระจายของมะเร็ง)
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐาน (R) ว่า เคอร์คูมินอาจช่วยป้องกันมะเร็งไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเฉพาะมะเร็งของระบบย่อยอาหาร เช่น มะเร็งลําไส้ใหญ่
7. เคอร์คูมิน (Curcumin) มีประโยชน์ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดของภาวะสมองเสื่อม และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมถึง 70% (R)
เป็นที่รู้กันดีว่า การอักเสบและความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันมีบทบาทต่อโรคอัลไซเมอร์และพบว่า เคอร์คูมินสามารถช่วยได้ทั้ง 2 กรณี (R)
นอกจากนี้ ในงานวิจัย (R) ชี้ให้เห็นว่า เคอร์คูมินสามารถช่วยล้างการสะสมของโปรตีนที่เรียกว่า อะไมลอยด์ (amyloid plaques) ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรค
ส่วนที่คาดการณ์กันว่า เคอร์คูมินสามารถชะลอหรือย้อนกลับการลุกลามของโรคอัลไซเมอร์ในคนได้หรือไม่นั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดและจําเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม
8. ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบตอบสนองต่ออาหารเสริมเคอร์คูมินได้ดี
โรคข้ออักเสบ (Arthritis) มีหลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการอักเสบในข้อต่อ
ในการศึกษา (R) กับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม พบว่าเคอร์คูมินมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดมากกว่ายาหลอก (Placebo) และการวิจัย (R) ยังพบว่า ผลของ Curcumin คล้ายกับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่กลุ่มสเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น โวตาเรน ไอบูโพรเฟน เป็นต้น
ในการศึกษาอื่น (R) เกี่ยวกับโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) พบว่า เคอร์คูมินช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคได้
9. เคอร์คูมิน (Curcumin) มีประโยชน์ต่อภาวะซึมเศร้า
เคอร์คูมินพบว่าช่วยการรักษาความผิดปกติของอารมณ์ ผลด้านบวกต่อสมองซึ่งรวมถึงการเพิ่มสารสื่อประสาทสมอง serotonin และ dopamine ที่ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมความยืดหยุ่นของสมอง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า Curcumin เป็นยากล่อมประสาทที่มีประสิทธิภาพ
ภาวะซึมเศร้า ยังเชื่อมโยงกับระดับ BDNF ที่ลดลงและการหดตัวของสมองส่วนฮิบโปแคมปัสซึ่งเป็นสมองที่มีบทบาทในการเรียนรู้และความจํา เคอร์คูมิน สามารถช่วยเพิ่มระดับ BDNF (R) ซึ่งอาจย้อนกลับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บางส่วนได้
จากการศึกษากับสัตว์ในปี 2018 (R) ยังพบว่า เคอร์คูมินอาจช่วยลดความวิตกกังวล ซึ่งเรื่องนี้ จําเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์เพื่อตรวจสอบสิ่งนี้
10. เคอร์คูมิน (Curcumin) ช่วยชะลอความชราและต่อสู้กับโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับอายุ
หากเคอร์คูมินสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ มะเร็ง และอัลไซเมอร์ได้จริงๆ ก็จะมีประโยชน์ต่อการมีอายุยืนยาวเช่นกัน นี้ชี้ให้เห็นว่า เคอร์คูมิน มีศักยภาพเป็นอาหารเสริมต่อต้านความแก่ชราได้
เนื่องจากเชื่อกันว่า การเกิดออกซิเดชันและการอักเสบมีบทบาทต่อความแก่ชรา (R) เคอร์คูมินอาจจะส่งผลกระทบที่นอกเหนือไปจากการป้องกันโรค
11. เคอร์คูมิน (Curcumin) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เคอร์คูมิน ไม่เพียงแต่มีฤทธ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเทียเท่านั้น แต่เคอร์คูมินยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งไวรัสได้ด้วย (R) โดยสารเคอร์คูมินสามารถลดการจับตัวของไวรัสกับผนังเซลในร่างกาย และลดการเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัส ด้วยการทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก (R)
ปริมาณที่เหมาะสมของเคอร์คูมิน (Curcumin)
ปัจจุบัน ยังไม่มีคําแนะนําอย่างเป็นทางการสําหรับการบริโภคขมิ้นและไม่มีระบุระดับการบริโภคที่ยอมรับได้สูงสุด อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรรับประทานเกินคําแนะนําปริมาณที่คุณพบบนฉลากอาหารเสริม.
ในทางกลับกันมีแนวทางอย่างเป็นทางการสําหรับการบริโภคเคอร์คูมิน ที่กำหนดโดย The Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA) กําหนดปริมาณเคอร์คูมินที่ยอมรับได้เป็น 1.4 มก. ต่อปอนด์ (3 มก./กก.) ของน้ำหนักตัวต่อวัน (R)
สําหรับผู้ชายน้ำหนัก 178 ปอนด์ (81 กก.) ควรบริโภค 239 มก./วัน
อย่างไรก็ตาม จากการรีวิวงานวิจัยชิ้นหนึ่ง (R) ที่สรุปว่า การรับประทานเคอร์คูมิน 3,600 - 8,000 มก./วัน ไม่ก่อให้เกิดผลร้ายแรงใดๆ และอีกการศึกษา (R) แสดงให้เห็นว่า การให้รับประทานในปริมาณสูงครั้งเดียว 12,000 มก. ได้รับการยอมรับอย่างดี
การศึกษาชี้ให้เห็นว่า ปริมาณเคอร์คูมินที่มีประสิทธิภาพมักจะอยู่ระหว่าง 500-2,000 มก./วัน โดยทั่วไป การบริโภคเคอร์คูมิน ซึ่งมีความเข้มข้นสูงกว่าที่พบในผงจากรากขมิ้นหรือที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหาร
โดยปกติแล้ว ขมิ้น (ในเครื่องเทศ) จะมีสารเคอร์คูมินประมาณ 3% อย่างไรก็ตาม สารสกัดขมิ้นชันมีเคอร์คิวมินอยด์ประมาณ 95% ซึ่งสารที่มีฤทธิ์มากที่สุดคือ เคอร์คูมิน (R)
จากการทดลองทางคลินิกในมนุษย์แสดงมีการใช้เคอร์คูมินสูงถึง 8 กรัม ไม่เกิดผลร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น (R) แต่ก็ไม่แนะนําให้ใช้ปริมาณที่สูงเหล่านี้ในการรักษาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากไม่มีข้อมูลเพื่อยืนยันความปลอดภัยของมนุษย์
ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณเคอร์คูมินหรือขมิ้นที่มีประสิทธิภาพ แต่จากการวิจัยโดยทั่วไปแนะนําว่า:
ใช้รักษาคอเลสเตอรอลสูง: สารสกัดจากขมิ้น 700 มก. วันละสองครั้งเป็นเวลา 3 เดือน
โรคข้ออักเสบหรือโรคข้อเข่าเสื่อม: สารสกัดจากขมิ้น 500 มก. วันละสองครั้งเป็นเวลา 2-3 เดือน
ผิวระคายเคืองหรือคัน: สารสกัดขมิ้น 500 มก. วันละสามครั้งเป็นเวลา 2 เดือน
ก่อนจะเริ่มรับประทาน คุณควรพูดคุยกับแพทย์ก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะรับประทานอาหารเสริมเคอร์คูมินปริมาณเท่าใด ที่คุณควรเริ่มกินต่อวัน
คำถามที่พบบ่อย
การกินขมิ้นชันทุกวันดีหรือไม่?
ด้วยคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลายของขมิ้นชัน จึงไม่ควรรับประทานทุกวัน ถ้ากินไม่เกิน 12 กรัม/วัน (R) ไม่น่าจะพบผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย, ท้องผูก, หรืออาเจียน.
ขมิ้นชันไม่เหมาะกับใคร?
ผู้ที่กําลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีปัญหาถุงน้ำดีหรือไต ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ โรคเบาหวานหรือการขาดธาตุเหล็ก ควรจํากัดขมิ้นชัน หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ขมิ้นชัน นอกจากนี้ให้ถามแพทย์ของคุณว่า ขมิ้นชันจะมีปฏิกิริยากับยาที่คุณกําลังรับประทานอยู่หรือไม่
ขมิ้นช่วยเผาผลาญไขมันหน้าท้องได้หรือไม่?
มีงานวิจัย (R) ที่ชี้ให้เห็นว่า เคอร์คูมินซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของขมิ้นอาจช่วยลดไขมันหน้าท้องได้
#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #antiaging #ชะลอวัย #สุขภาพดี #tiktokสุขภาพ #ลืมป่วย #healthy #healthycare #healthyfood #ดูแลสุขภาพ #มณีแดง #RedGem #Curcumin #Turmeric