top of page
dr.bunlue

AHA ปรับสภาพผิวและลดริ้วรอยได้จริงหรือ?


AHA ชื่อเต็ม Alphahydroxy Acids ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากผลไม้หลายอย่าง หรือรวมเรียกว่ากรดผลไม้ (Fruit Acids) ประกอบด้วย

  • Glycolic Acid   สกัดจากอ้อย

  • Lactic Acid   สกัดจากนมเปรี้ยว

  • Malic acid   สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล

  • Tartaric Acid   สกัดจากองุ่น

  • Citric Acid   สกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว เช่นมะนาว เป็นต้น




AHA มีผลอย่างไรต่อผิว



AHA จะไปทำลายแรงยึดเกาะระหว่างชั้นขี้ไคล และชั้นเซลล์คีราติโนไซต์ ทำให้ขี้ไคลลอกหลุดได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นให้เซลล์ใหม่ในชั้นล่าง (เซลล์คีราติโนไซต์) ขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียบขึ้น เพราะมีเซลล์ใหม่มาทดแทน (ให้อ่านเรื่อง กายวิภาคของผิวหนังและหน้าที่ เพิ่มเติมจะเข้าใจง่ายขึ้น)




นอกจากนี้ AHA ยังกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และทำให้ผิวไม่หย่อนยาน   การปรับสภาพผิวหน้าด้วย กรด Glycolic acid นอกจากจะทำให้ใบหน้าสดใส นุ่มนวลเกลี้ยงเกลา แลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น   ยังช่วยในการรักษารอยตกกระ, รอยด่างดำ, ฝ้า, รอยเหี่ยวย่นตื้นๆ สิวเล็กๆ สิวเสี้ยน ได้ด้วย

ชั้นขี้ไคลนี้ ถ้าเกาะติดกันแน่นและไม่ลอกหลุดตามเวลาที่ควร ก็จะไปอุดตันตามรูขุมขน เกิดเป็นสิวเสี้ยนตามมา และเป็นสาเหตุของสิวอักเสบได้   ดังนั้นการใช้กรด AHA ก็จะไปเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นนี้ได้ จึงช่วยสลายสิว



เคล็ดลับในการใช้ AHA ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • AHA มีหลายชนิด จะเลือกใช้ตัวไหนดี?

แนะนำให้ใช้ Glycolic acid หรือ Lactic acid เพราะมีการศึกษาค้นคว้ามามากกว่าตัวอื่น นอกจากนั้น Glycolic acid ยังเป็นตัวที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด ทำให้สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่าตัวอื่น   ส่วน Lactic acid เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวแพ้ง่ายและแห้ง


  • AHA มักจะทำให้ผิวระคายเคืองได้ ควรแก้อย่างไร?

AHA มีฤทธิ์เป็นกรด (ออกฤทธิ์ได้ดีที่ pH 3 ถึง 5)   ถ้าpH สูงกว่านี้จะไม่มีฤทธิ์ช่วยในการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนัง   และถ้าเลือกใช้ที่ pH ตํ่ากว่านี้ ก็จะระคายเคืองต่อผิวมากเช่นกัน


  • AHA พบว่านำมาใช้ในเครื่องสำอางหลายชนิดได้?

ได้ครับ เพราะไม่ใช่ยา จึงพบว่ามีการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางหลายชนิด ความเข้มข้นที่ใช้ในเครื่องสำอางจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 15%   ถ้าความเข้มข้นที่ตํ่ากว่า 4% ไม่ค่อยจะได้ผล

ส่วนความเข้มข้นที่สูงกว่านี้ จะมีผลข้างเคียงมาก แต่ก็เห็นผลเร็ว และควรจะอยู่ในการดูแลของแพทย์ หรือคนที่เคยได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี


ความเข้มข้นที่มากกว่า 8% ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง หรือปรึกษาแพทย์ (แพทย์ผิวหนังมีการใช้ ในความเข้มข้นสูงถึง 30 – 70% ในการลอกเซลล์ผิวที่หน้าและลดริ้วรอย)


  • ควรใช้ทาอย่างไรดี?

มีวิธีการใช้หลายอย่าง แต่จะขอแนะนำวิธีใช้ง่ายๆ ดังนี้   ทาวันละครั้งในตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้   ก่อนทาล้างให้หน้าสะอาด ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 15 นาที (ถ้าทาในขณะที่หน้ายังไม่แห้งสนิท จะรู้สึกยิบยิบที่หน้าได้)


หลังจากทา กรดนี้ไปแล้ว ผิวอาจจะแห้ง มีขุยได้   ขุยพวกนี้ก็คือขี้ไคลนั่นเอง ที่ลอกหลุดออกออกมา


  • AHA หลังจากทาแล้ว ต้องดูแลผิวอย่างไร?

เนื่องจาก กรดชนิดนี้จะไปผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่มาทดแทนไวต่อแสงแดดมากขึ้น อาจจะมีอาการแดงร้อนในบริเวณที่ทา จึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ


บทนี้เป็นการแนะนำให้คุณได้รู้จัก AHA ในขั้นพื้นฐาน   ต่อไปผมจะแนะนำลงรายละเอียด ถึงขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ และตัวยาที่จะต้องใช้มีอะไรบ้าง   หลังจากทำแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไร   รวมไปถึงการทำทรีตเมนต์ที่บ้านด้วยตนเองให้ปลอดภัยต้องทำอย่างไร


ผมบอกแล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่คุณก็สามารถจะใช้เครื่องมือพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ได้   ถ้าคุณมีแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือและศึกษามาดีพอ — และมีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์   แค่นี้คุณก็อุ่นใจได้… จริงมั้ยครับ?



Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page